วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วิจัย


สรุปวิจัย 


ชื่อวิจัย  ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์น้อกห้องเรียน

ผู้ทำวิจัย  สุมาลี  หมวกไธสง

ของมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ

จุดมุ่งหมายของงานวิจัยเพื่อ

1.ระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน

2.เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังได้รับการจัด

กิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน


ขอบเขตของการวิจัย

ประชากรที่ใช้ในการวิจัย

ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นเด็กอายุ 5-6 ปี  กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่2

ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ สุวรรณภูมิ สมุทรปราการ จำนวน 180 คน

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นเด็กปฐมวัยอายุ 5-6 ปีที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล ปีที่3

ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ สุวรรณภูมิ สมุทรปราการ จำนวน 180คน

ตัวแปรที่ศึกษา

1.ตัวแปรอิสละ  ได้แก่  กิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน

2.ตัวแปรตาม   ได้แก่  ความสามารถในการคิดวิเคราะห์


นิยามศัพท์เฉพาะ

1.เด็กปฐมวัยหมายถึง  เด็กนักเรียนชาย-หญิง อายุ5-6 ปี  ที่กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลปีที่3

ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2553 ของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศ  สุวรรณภูมิ สังกัด คณะกรรมการการศึกษา

เอกชน  สมุทรปราการ

2.การจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน หมายถึง กระบวนการจัด

ประสบการณ์ในการศึกษาหาความรู้ ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยพานักเรียนไปศึกษานอก

ห้องเรียนเพื่อศึกษาสิ่งแวดล้อมที่อยู่นอกห้องเรียนอย่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เด็กเกิดความรู้จาก

ประสบการณ์ตรงในสภาพที่เป็นจริง ซึ้งขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยหลักๆคือ

การตั้งคำถามหรือการกำหนดปัญหา  การตั้งสมมุติฐาน หรือ การคาดการคำตอบ



การดำเนินการทดลอง


การทดลองครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2553 เป็นเวลา8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ3 ครั้ง

ครั้งละ40นาที รวมเวลาทดลองทั้งสิ้น24ครั้ง ในช่วงเวลา 10.00-11.40 น.โดยมีลำดับขั้นตอนดังนี้

1.สร้างความคุ้นเคยกับกลุ่มตัวอย่างเป็นเวลา 1 สัปดาห์

2.นำแบบการคิดวิเคราะห์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมาทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง

3.ดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างในการใช้กิจกรรม  กระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน

เวลา8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ3 ครั้ง ครั้งละ40 นาที

4.เมื่อดำเนินการทดลองครบ8สัปดาห์ ผู้วิจัยทำการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบทดสอบการคิด

วิเคราะห์ฉบับเดียวกันก่อนการทดสอบอีกครั้ง

5.นำคะเเนนที่ได้จากการทดสอบไปวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสติถิและมีเกรณ์การแปลความหมาย

ค่าเฉลี่ย


สรุปผลการวิจัย


1.ผลการศึกษาระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมกระบวน

การทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนของระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์สูงขึ้นอย่างมี

นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

2.ผลการเปรีบยเทียบในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยหลังจากได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นก่อนการได้รับกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอก

ห้องเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01


*อาจารย์ค่ะวิจัยของหนูลิงค์ไม่ได้ค่ะ แต่หนูหาวิจัยนี้มาจาก Thailis เขาป้องกันไม่ให้ลิงค์หรือก็อปค่ะ



บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย


สรุปเรื่องบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย



บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย  ตอนเจ้ามังกรปวดฟัน

        เริ่มแรกเขาก็จะเล่านิทานเกี่ยวกับเจ้ามังกรน้อยชอบกินน้ำอัดลม  จึงทำให้เจ้ามังกรน้อยปวดฟัน

พอพาเจ้ามังกรน้อยไปหาหมอฟันสรุปว่าเจ้ามังกรน้อยฟันผุ  เจ้ามังกรน้อยสงสัยก็เลยถามคุณหมอ


ขั้นทดลองเขาจะมีแก้วน้ำสองใบ  มีใบที่1  กับ ใบที่2  แล้วให้เด็กๆสังเกตดูซิว่าน้ำสองแก้วที่เด็กๆเห็นมี

ลักษณะยังไง เด็กๆตอบว่าน้ำสองแก้วไม่เหมื่อนกันเพราะเด็กๆสังเกต  ว่าแก้วที่1 มีน้ำสีใส ส่วนแก้วที่2

มีน้ำสีขุ่นพอเขาบอกให้เด็กๆดมกลิ่น เด็กๆก็ตอบว่าแก้วที่1 ไม่มีกลิ่น  แก้วที่2 มีกลิ่นฉุน กลิ่นเปรี้ยว

เหมื่อนมะนาว  พอเขาให้เด็กๆเริ่มทดลอง  โดยการนำเปลือกไข่ใส่ลงไปในแก้วน้ำทั้ง2ใบ  ทิ้งไว้5 

นาทีแล้วให้เด็กสังเกตว่าเปลือกไข่มีลักษณะอย่างไร เด็กตอบว่าแก้วที่1 เปลือไข่เป็นเหมื่อนเดิม  

แก้วที่2 เปลือกไข่ซีดเป็นสีขาว  แล้วพี่ก็ถามคำถามเด็กๆว่าเด็กๆคิดว่าถ้าเรานำเปลือกไข่ไปใส่ในแก้ว

น้ำใบที่2 แล้วทิ้งไว้วันหนึ่งเด็กๆคิดว่าเปลื่อกไข่จะเป็นอย่างไร  เด็กๆก็บอกว่าไข่จะเป็นสีขาว

พอพี่ๆนำไข่ที่แช่น้ำไว้แล้ว1วัน มาให้เด็กๆดู ปรากฎว่าเปลือกไข่ล่อนหมดเลย  

พี่ๆก็เฉลยว่าน้ำแก้วที่1 คือน้ำเปล่าว  แก้วที่2 คือน้ำส้มสายชู   ซึ่งน้ำส้มสายชูมีกรด แอซิติก

สามารถกลัดกล่อนเปลือกไข่ซึ่งมีผลเป็นแคลเซียม  ก็เหมื่อนฟันของเราก็เป็นแคลเซียม 

แล้วน้ำอัดลมเปรียบเป็นน้ำส้มสายชูทำให้ไปกัดกล่อนแคลเซียมในฟันของเรานั้นเอง





วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินครั้งที่15

บันทึกอนุทินครั้งที่15

วิชาการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน  พ.ศ 2557

กลุ่มเรียน104  เวลา 13.10-16.40 น.



วันนี้วันปิดครอสวิชาการจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

                  วันนี้อาจารย์สอนให้ทำแผ่นพับ เพื่อแจ้งให้ผู้ปกครองทราบถึงข่าวสารของทางโรงเรียน

อาจารย์ให้เกร็ดความรู้ว่า  เวลาที่เราเขียนแผนพับถึงผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องเขียนคำที่เป็นทางการ

ให้เราทำหัวข้อให้น่าสนใจ ผู้ปกครองจะได้รับรู้ว่าบุตรหลานของท่านเรียนอะไรบ้าง


แผนพับของกลุ่มของดิฉันทำเรื่อง  หน่วยแปรงสีฟัน















ประเมิณ

ตนเอง(oneself)

มีความตั้งใจเรียนดี  ออกเเบกิจกรรมช่วยเพื่อน 

เพื่อน(friend)

มีความตั้งใจเรียนดี  สมัคสมานสามัคคีกันในหมู่คณะ

อาจารย์(porfessor)

อาจารย์ให้เทคนิคเล็กๆกับนักศึกษาก่อนปิดครอส  สอนทำแผนพับ แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย

บันทึกอนุทินครั้งที่14


บันทึกอนุทินครั้งที่14

วิชาการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

อาจารย์ผู้สอน   อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ

วันศุกร์ที่ 21  พฤศจิกายน พ.ศ 2557

กลุ่มเรียน 104  เวลา 13.10-16.40 น.




วันนี้อาจารย์นัดส่งนำเสนอสืออีกครั้ง เพื่อที่จะแยกกลุ่มให้สือต่างๆ


กลุ่มที่1  สื่อสอนเรื่องแรงดันของน้ำ



กลุ่มที่2 สื่อสอนเรื่องแรงโน้มถ่วง





กลุ่มที่3 สื่อสอนเรื่องแรงลม




กลุ่มที่4  สื่อสอนเรื่องเสียง






กิจกรรมที่ทำในห้อง

กิจกรรมทำวาฟเฟิ้ล


ขั้นตอนการทำวาฟเฟิ้ล

1. เตรียมอุปกรณ์



2.ใส่แป้งกับไข่ ใส่น้ำเล็กน้อยอย่าให้เหลวเกินไป




3.หลังจากตีแป้งเสร็จแล้ว เราก็นำแป้งใส่ลงในภาชนะ แล้วนำไส้ที่เราเตรียมไว้มาใส่



4.นำวอฟเฟิ้ลไปอบในเครื่องทำวอฟเฟิ้ล  เสร็จแล้วก็จะออกมาหน้าตาแบบนี้






กิจกรรมที่เพื่อนนำเสนอบทความ  วิจัย  โทรทัศน์ครู

วิจัยเรื่อง   ผลการจัดประสบการณ์โดยเน้นทักษะทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นอนุบาล 2

วิจัยเรื่อง  การพัฒนาหน่วยการสอนวิทยาศาสตร์น่ารู้ ชั้นอนุบาล2

วิจัยเรื่อง  ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เด็กปฐมวัยด้านวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน

วิจัยเรื่อง  การพัฒนาทักษะพื้นฐานในการทำกิจกรรมน้ำสมุนไพร

โทรทัศน์ครูเรื่อง  กิจกรรมส่องนกนอกห้องเรีย

โทรทัศน์ครูเรื่อง  สอนเด็กอย่างไรให้เด็กมีจิตวิทยาศาสตร์

โทรทัศน์ครูเรื่อง  จุดประกายนักวิทยาศาสตร์น้อย


ประเมิณ

ตัวเรา(oneself)

มีความตั้งใจเรียนดี  จดบันทึกสิ่งที่เพื่อนนำเสนอ

เพื่อน(friend)

เพื่อนๆสนใจเรียนดี  ออกไปนำเสนอวิจัยได้ดี เข้าใจง่าย

อาจารย์(professor)

อาจารย์มีการให้เทคนิคในการอ่านวิจัย อ่านยังไงให้สั้นและได้ใจความ

บันทึกอนุทินครั้งที่13


บันทึกอนุทินครั้งที่13

วิชาการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์จินตนา   สุขสำราญ

วันศุกร์ที่  14 พฤศจิกายน พ.ศ 2557

กลุ่มเรียน 104  เวลา 13.10-16.40 น.



วันนี้อาจารย์ได้ให้กลุ่มที่เหลือออกมาสอนเเผนให้เสร็จ





กลุ่มที่ 7  สอนเรื่องชนิดของแปรงสีฟัน

ขั้นนำ:  ท่องคำคล้องจองเกี่ยวกับแปรงสีฟัน

ขั้นสอน: ครูถามเด็กๆว่าในคำคล้องจองมีแปรงสีฟันชนิดไหนบ้าง  จากนั้นครูก็มีภาพมาให้เด็กๆดู

แล้วคุณครูก็ให้เด็กนำรูปภาพแปรงสีฟัน มาจับคู่1ต่อ1

ขั้นสรุป: คุณครูถามเด็กว่าแปรงสีฟันที่เหลือมีกี่อัน แร้วแปรงสีฟันที่จับคู่มีกี่อัน









กลุ่มที่  8  สอนเรื่องชนิดของกล้วย

ขั้นนำ:  ครูให้เด็กๆท่องคำคล้องจอง

ขั้นสอน:  ครูนำภาพกล้วยมาให้เด็กๆดู  แล้วถามเด็กๆว่ากล้วยอะไร

ขั้นสรุป:  ครูครูถามว่ากล้วนที่คุณครูนำมาให้ดูมีกี่ชนิด แล้วให้เด็กๆนับตาม





กลุ่มที่  9  เรื่องชนิดของผีเสื้อ

ขั้นนำ:  ท่องคำคล้องจอง

ขั้นสอน:  สอนเรื่องชนิดของผีเสื้อ มีกลางวัน  กลางคืน

ขั้นสรุป:  ครูทำตรางเปรียบเทียบความเหมื่อนความต่าง ระหว่างผีเสื้อกลางวัน กลางคืน


กิจกรรมที่ทำในห้อง


กิจกรรมทาโกยากิ


เตรียมอุปกรณ์ ในการทำทาโกยากิ





เตรียมหลุมหยอดให้พร้อม






นำไข่ที่เตรียมไว้หยอดลงไปในหลุม





รอให้เข้าที่แล้วพลิกกับให้เป็นลูกกลม


กิจกรรมนำเสนองานวิจัย

เพื่อนๆนำเสนอวิจัย

วิจัยเรื่อง  การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียน

การสอนแบบจิตปัญญา

วิจัยเรื่อง  ความสามารถของการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอก

ห้องเรียน


ประเมิณ

ตัวเรา(oneself)

มีความกระตือรือล้นดี สนใจที่อาจารย์สอน

เพื่อน(friend)

เพื่อนๆสนใจเรียนดี  ร่วมกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน

อาจารย์(porfessor)

อาจารย์เตรียมสื่อการเรียนการสอนได้ดี  แต่งตัวสุภาพเรียบร้อยเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักศึกษา




บทความ


บทความ



สรุปบทความเรื่อง  สอนลูกเรื่องแรงโน้มถ่วง

     การเรียนรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงเป็นสาระการเรียนรู้ที่ใช้เป็นสื่อกลาง เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เกิด

คุณภาพตามจุดมุ่ง หมายของหลักสูตรการศึกปฐมวัย ประโยชน์ที่เด็กพึงได้รับคือการได้พัฒนา ความรู้ 

ประสบการณ์ เจตคติและทักษะ กระ บวนการในการแสวงหาความรู้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตสืบต่อไป

ในอนาคตจากการฝีกฝนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ผ่านเรื่องแรงโน้มถ่วง เริ่มจากการที่เด็ก

ฝึกหัดตั้งคำถาม เป็นข้อสงสัยที่ต้องหาคำตอบจากการสืบค้น การปฏิบัติ จนได้ผลที่เป็นจริง ปรากฏ

อย่างเป็นเหตุเป็นผล และสามารถนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างเหมาะสมตามวัย และใน

ขณะที่ปฏิบัติด้วยตน เอง เด็กจะได้ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ คือทักษะการสังเกต ทักษะ

จำแนกประเภท ทักษะการวัด ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล ทักษะดังกล่าวมีความสำคัญที่ทำให้

เด็กสามารถแสวงหาความรู้ได้ตนเอง

     ความจำเป็นที่เด็กควรได้รับการจัดประสบการณ์ ให้เกิดความสามารถที่จะเก็บเกี่ยวความรู้ ความ

เข้าใจในประโยชน์ของธรรมชาติและการนำไป ใช้ในการดำรงชีวิต ดังที่นักการศึกษาหลายท่านได้กล่าว

ถึงวิทยาศาสตร์กับธรรมชาติมีความสัมพันธ์กัน การส่งเสริมให้เด็กเกิดพัฒนาการ 4 ด้านคือ

ด้านร่างกาย  ได้ใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้

ด้านอารมณ์   ได้รับการตอบสนองความต้องการและความมั่นใจของเด็ก

ด้านสังคม      เด็กได้มีกิจกรรมทำร่วมกับผู้อื่น รู้จักกฎ กติกา ระเบียบของสังคม

ด้านสติปัญญา  รู้จักการคิดแก้ปัญหา การตัดสินใจและได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ด้วยตนเอง






อากาศมหัศจรรย์


  สรุปเรื่อง  อากาศมหัศจรรย์  



รอบๆตัวเรามีสิ่งที่เรียกว่าอากาศ มนุษย์ สัตว์ พืช ก็ต้องใช้อากาศในการหายใจ และอากาศสามารถ

อยู่ได้ทุกที่ถึงเรามองไม่เห็นแต่ก็มีอยู่จริง ถึงแม้อากาศจะไม่มีขนาด รูปร่างแต่อากาศจะแทรกตัวอยู่ได้

ทุกที่ อากาศจะมีตัวตนจริงๆและต้องการที่อยู่แต่เมื่อมีอะไรมาแทนที่อากาศ อากาศจะเคลื่อนตัวออก

ไปทันทีเราจึงรู้สึกว่าไม่มีอากาศรอบๆตัวเรา เพราะอากาศต้องการที่อยู่  อากาศจะทำหน้าที่หนักขึ้น

อยู่กับ อากาศร้อน  อากาศเย็น  อากาศร้อนจะมีน้ำหนักเบา 

ในอากาศร้อนจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ในอากาศจะมีการปรับสมดุลตลอดเวลา อากาศร้อนที่เบากว่า

จะพยามลอยขึ้นไปหาอากาศเย็นเพื่อลดความร้อนของตัวเอง ส่วนอากาศเย็นที่หนักกว่าจะลอยลงมา

สวนทางกับอากาศร้อน เพื่อปรับสภาพของตนให้กลายเป็นอากาศที่อบอุ่น และการที่อากาศร้อน

กับเย็นสลับกันขึ้นลงจึงทำให้เกิดปรากฏการทางธรรมชาติ ก็คือลม

เมื่อมีลมพัดผ่านตัวเราทำไม่รู้สึกเย็น? เพราะอากาศเย็นจะเคลื่อนที่เข้ามาแทนอากาศร้อนคือ

ลมที่พัดผ่านไปแล้วจึงทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย นั้นก็คือลมอากาศเย็นที่พัดเข้ามา

ลมสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปตามวัตถุที่ขวางทางอยู่ได้ ซึ้งก็เป็นกรณีเดียวกันกับลมที่พัดเข้ามาจาก

ข้างนอกพอเข้ามาชนกับตัวบ้านของเรากระเเสลมก็พัดกระจายออกไป แต่ถ้าบ้านของเราเปิดหน้าต่าง

กระแสลมก็จะพุ่งทยานจากหน้าต่างเข้ามาห้องของเรา แล้วจึงละบายออกจากช่องอากาศต่างๆ

คุณสมบัติของลมที่เราน่าจะนำมาใช้ประโยชน์

1.แรงดันอากาศ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเรา เช่น การเจาะรูบนกระป่องนม

2.แรงต้านอากาศ ด้านการเคลื่อนที่ของวัตถุต่างๆ เช่นเวลารถวิ่งก็จะมีลมพัดสวนมา ลมที่สวนมาก็คือ

อากาศที่ต้านรถไม่ให้สวนไปข้างหน้า อากาศมีประโยชน์กับเรามากมายและสำคัญกับเรามาก

นอกจากเราจะใช้หายใจ ยังเป็นหลักในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ได้มากอีกด้วย